การเก็บรักษาน้ำสกัดมันฝรั่งเพื่อทดแทนอาหารเลี้ยงเชื้อ Potato Dextrose Agar (PDA) สำเร็จรูปสำหรับใช้ในห้องปฏิบัติการ
ผู้แต่ง:
สุรศักดิ์ บุญรุ่ง, ฉวีวรรณ มลิวัลย์
ฉบับที่ 1 เดือน
มกราคม-เมษายน ปี 2565
(Download: 1888 ครั้ง)
|
บทคัดย่อ
อาหารเลี้ยงเชื้อ Potato Dextrose Agar (PDA) เป็นอาหารสำหรับเลี้ยงเชื้อราและยีสต์ที่นิยมใช้ในห้องปฏิบัติการ ซึ่งอาหารเลี้ยงเชื้อสำเร็จรูปมักมีราคาแพง การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลการเก็บรักษาน้ำสกัดมันฝรั่งที่อุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียส เป็นระยะเวลา 150 วัน ต่อการเปลี่ยนแปลงสี พีเอช และการเจริญของเชื้อรา (Aspergillus niger ATCC6275) และเชื้อยีสต์ (Saccharomyces cerevisiae TISTR5088) เปรียบเทียบกับอาหาร PDA สำเร็จรูปทางการค้าพบว่า เชื้อรา A. niger ที่เลี้ยงในอาหาร PDA ที่เตรียมจากน้ำสกัดมันฝรั่งมีการเจริญใกล้เคียงกันที่ 6.17-6.50 เซนติเมตร การเจริญของเส้นใยมากกว่าอาหาร PDA สำเร็จรูปทางการค้า (4.30 เซนติเมตร) หลังการบ่มที่อุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส ระยะเวลา 4 วัน ส่วนเชื้อยีสต์ S. cerevisiae ที่เลี้ยงในอาหาร PDA ที่เตรียมจากน้ำสกัดมันฝรั่งมีการเจริญใกล้เคียงกันที่ 6.87-6.90 log units และใกล้เคียงกับอาหาร PDA สำเร็จรูปทางการค้า (6.90 log units) หลังการบ่มที่อุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส ระยะเวลา 2 วัน สีน้ำสกัดมันฝรั่ง (L* a* b*) วันที่ 0 มีค่าเท่ากับ 96.78, -0.45 และ 4.28 ตามลำดับ หลังเก็บรักษาสีของน้ำสกัดมันฝรั่งเปลี่ยนเป็น 93.24, -0.22 และ 5.98 ตามลำดับ ส่วนความเป็นกรดด่าง (พีเอช) ของน้ำสกัดมันฝรั่ง วันที่ 0 มีค่าเท่ากับ 5.52 หลังเก็บรักษา 150 วัน มีค่าเท่ากับ 5.46 ดังนั้นสามารถสรุปได้ว่า การเก็บรักษาน้ำสกัดมันฝรั่งที่อุณหภูมิ –20 องศาเซลเซียส ระยะเวลาเก็บรักษา 150 วัน สามารถนำมาเตรียมอาหาร เลี้ยงเชื้อ PDA เพื่อแทนการใช้อาหาร PDA สำเร็จรูปทางการค้าในการเรียนการสอนของห้องปฏิบัติการได้
Download
|
ผลของการพัฒนารูปแบบการบริบาลทางเภสัชกรรมเพื่อการจัดการเหตุการณ์ ไม่พึงประสงค์จากยาคาร์บามาซีปีนด้วยการตรวจยีน HLA-B*15:02 ในผู้ป่วยรายใหม่โรคปวดประสาทไทรเจมินัล
ผู้แต่ง:
หนึ่งหทัย อภิพัตฐ์กานต์, วชิรศักดิ์ อภิพัตฐ์กานต์, กันต์พงษ์ ธารฤทธิ์ทวีพร
ฉบับที่ 1 เดือน
มกราคม-เมษายน ปี 2565
(Download: 1490 ครั้ง)
|
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการใช้แนวทางการบริบาลทางเภสัชกรรมเพื่อการจัดการเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากยาคาร์บามาซีปีนในผู้ป่วยรายใหม่โรคปวดประสาทไทรเจอมินัล โรงพยาบาลทันตกรรม คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ศึกษาข้อมูลย้อนหลังจากเวชระเบียนและฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ปี 2558-2563 เครื่องมือที่ใช้ คือ แนวทางการจัดการเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากยาในผู้ป่วยรายใหม่ที่ได้รับยาคาร์บามาซีปีน (Carbamazepine) ผลพบว่า ผู้ป่วยรายใหม่เฉลี่ย 34 รายต่อปี ด้านการตรวจ HLA-B*15:02 เริ่มปี 2562 พบรายใหม่ 20 ราย ได้รับการตรวจ 20 ราย (ร้อยละ100) ปี 2563 รายใหม่ 17 ราย ได้รับการตรวจ 17 ราย (ร้อยละ100) ด้านผลการตรวจ HLA-B*15:02 พบว่าปี 2562 รายใหม่ 20 ราย ผลลบ 19 ราย ใช้ยาได้ 17 ราย (ร้อยละ 89.47) ผลลบ แต่ใช้ยาไม่ได้ 2 ราย (ร้อยละ 10.53) ผลบวก 1 ราย (ร้อยละ5.00) แต่ใช้ยา Oxcarbazepine ได้ ,ปี 2563 รายใหม่ 17 ราย ผลลบ 14 ราย (ร้อยละ 82.35) ใช้ยาได้ 13 ราย (ร้อยละ 92.86), ใช้ยาไม่ได้ พบผื่นแพ้ยา 1 ราย (ร้อยละ 7.14) ผลบวก 3 ราย (ร้อยละ 17.65) ใช้ยาGabapentin ได้ 1 ราย (ร้อยละ33.33) ใช้ยาไม่ได้ 2 ราย (ร้อยละ 66.67) ด้านเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ระดับไม่รุนแรง ได้แก่ วิงเวียนศีรษะ ผื่น เดินเซ ไม่พบแพ้ยา SJS/TEN การศึกษานี้แสดงถึงผลการพัฒนาการบริบาลทางเภสัชกรรมที่ป้องกันและจัดการเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากยาคาร์บามาซีปีนในผู้ป่วยรายใหม่โรคปวดประสาทไทรเจมินัลได้
Download
|
วิเคราะห์ต้นทุนหน่วยสัตว์ทดลอง คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ผู้แต่ง:
ธันวา เจริญศิริ
ฉบับที่ 1 เดือน
มกราคม-เมษายน ปี 2565
(Download: 1457 ครั้ง)
|
บทคัดย่อ
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ต้นทุนและผลตอบแทนการเลี้ยงดูสัตว์ทดลองของหน่วยสัตว์ทดลอง คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ข้อมูลรายรับและรายจ่ายจากการเลี้ยงดูสัตว์ทดลองนำมาวิเคราะห์ค่าทางสถิติ ผลการศึกษาพบว่า ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูสัตว์ทดลองระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 มีค่าเฉลี่ยต่อตัวสัตว์ทดลอง 9.04 บาทตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบรายได้เรียกเก็บจากลูกค้าที่จ้างเลี้ยงสัตว์ทดลองตามประกาศฯ ราคาค่าเลี้ยงดูหนูตัวละ 3 บาท/ตัว/วัน นั่นคือ รายจ่ายเฉลี่ยต่อตัวสูงกว่ารายได้ สะท้อนให้เห็นว่าคณะฯ สนับสนุนค่าใช้จ่ายในส่วนนี้โดยประมาณ 6.04 บาท/ตัว/วัน ตามลำดับ สำหรับต้นทุนค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูสัตว์ทดลองปี 2562 มีการเลี้ยงสัตว์ทดลองจำนวน 84,648 ตัว เฉลี่ยวันละ 232 ตัว คิดเป็นร้อยละ 14.23 ของประสิทธิภาพที่หน่วยสัตว์ทดลองรองรับได้ และต้นทุนการดำเนินงานของหน่วยสัตว์ทดลอง พบว่า ต้นทุนค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 247.90 บาทต่อตัว เป็นต้นทุนคงที่ 238.86 บาทต่อตัว และต้นทุนผันแปร 9.04 บาทต่อตัว หากดำเนินงานเต็มประสิทธิภาพที่หน่วยสัตว์ทดลองรองรับได้ สามารถเลี้ยงสัตว์ทดลองได้จำนวน 1,630 ตัวต่อวัน มีต้นทุนค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 35.28 บาทต่อตัว (ต้นทุนคงที่ 34.00 บาทต่อตัว และต้นทุนผันแปร 1.28 บาทต่อตัว) สามารถสร้างรายได้จากลูกค้าผู้ปฏิบัติงานภายในคณะฯ ทั้งหมด จำนวน 5.43 ล้านบาท และหากลูกค้ามาจากบุคลากรภายนอกมหาวิทยาลัยมหิดลทั้งหมด รายได้เพิ่มขึ้นเป็น 15.87 ล้านบาท
Download
|
ชุดทดลองวงจรไฟฟ้าแบบพกพา สำหรับใช้ในการสอนแบบออนไลน์
ผู้แต่ง:
รัชนีวรรณ หมั่นแสวง, สิทธิเดช วชิราศรีศิริกุล
ฉบับที่ 1 เดือน
มกราคม-เมษายน ปี 2565
(Download: 1434 ครั้ง)
|
บทคัดย่อ
สถานการณ์โควิด 19 มีมาตรการในการป้องกันและเพื่อควบคุมสถานการณ์ ให้อยู่ที่พักอาศัยทำให้ผู้สอนและผู้เรียนไม่สามารถทำการเรียนการสอนรายวิชาปฏิบัติได้ ผู้วิจัยสร้างชุดทดลองวงจรไฟฟ้าแบบพกพาสำหรับใช้ในการสอนแบบออนไลน์(portable electrical circuit training setfor online teaching) พร้อมกับพัฒนาใบงานการทดลองให้เหมาะสมกับชุดทดลองฯ เพื่อนำไปใช้ในการเรียนการสอนรายวิชา 262215ปฏิบัติการวงจรไฟฟ้า สำหรับการสอนแบบออนไลน์ โดยใช้วัสดุการศึกษาที่จัดซื้อใช้งานภายในห้องปฏิบัติการวงจรไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ มาประกอบเป็นชุดทดลองฯ เพื่อส่งไปให้ผู้เรียนใช้ทดลองร่วมกับการสอนแบบออนไลน์ในที่พักอาศัย เหมาะกับสถานการณ์ที่ยังต้องรักษาระยะห่างทางสังคม ผลการวิจัยนี้เปอร์เซ็นต์ค่าความคลาดเคลื่อนของแรงดัน กระแส และค่าความต้านทาน ที่วัดได้จากการทดลอง บนชุดทดลองวงจรไฟฟ้าแบบพกพา มีเปอร์เซ็นต์ค่าความคลาดเคลื่อน น้อยกว่าเท่ากับร้อยละ 0.042ดังนั้นชุดทดลองวงจรไฟฟ้าแบบพกพา สามารถใช้ในการเรียนการสอนได้
Download
|
การวิเคราะห์ผลงานตีพิมพ์ระดับนานาชาติของมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ที่อยู่ในฐานข้อมูล Scopus ปี พ.ศ.2559-2563
ผู้แต่ง:
โกสินธุ์ ศิริรักษ์, กิตติพร ศรีเพ็ชร
ฉบับที่ 1 เดือน
มกราคม-เมษายน ปี 2565
(Download: 1426 ครั้ง)
|
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ผลงานตีพิมพ์ระดับนานาชาติของมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ที่อยู่ในฐานข้อมูล Scopus ปี พ.ศ.2559-2563 กลุ่มตัวอย่างเป็นผลงานที่ได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ของมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ในฐานข้อมูล Scopus ตั้งแต่ปี พ.ศ.2559-2563 ใช้วิธีการค้นหาและเก็บรวบรวมข้อมูลจากฐานข้อมูล Scopus ประกอบด้วย บทความวิจัย บทความปริทัศน์ บทความสืบเนื่องจากงานประชุมวิชาการ และบทในหนังสือ วิเคราะห์ข้อมูลจำนวนการตีพิมพ์ในแต่ละปี ประเภทของบทความ จำนวนการอ้างอิงในแต่ละปี จำนวนบทความที่ตีพิมพ์ในแต่ละสาขา รายชื่อวารสารที่ได้รับการตีพิมพ์ รายชื่อหน่วยงานที่มีผลงานตีพิมพ์ร่วมกัน รายชื่อประเทศที่มีผลงานตีพิมพ์ร่วมกัน และแหล่งทุนที่ให้การสนับสนุนวิจัย ผลการศึกษาพบว่า ผลงานตีพิมพ์ระดับนานาชาติของมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ที่อยู่ในฐานข้อมูล Scopus ปี พ.ศ.2559-2563 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,031 บทความ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 34.22) มีบทความวิจัยตีพิมพ์เพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 35.52 ในปี พ.ศ.2563 มีจำนวนการอ้างอิง 1,379 ครั้ง โดยสาขาที่ได้รับการตีพิมพ์สูงสุดคือ สาขาแพทยศาสตร์ จำนวน 208 บทความ วารสารที่ได้รับการตีพิมพ์สูงสุดคือ Walailak Journal of Science and Technology จำนวน 63 บทความ (ร้อยละ 6.11) หน่วยงานที่มีผลงานตีพิมพ์ร่วมกับมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์สูงสุด คือ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จำนวน 127 บทความ ประเทศที่มีผลงานตีพิมพ์ร่วมกับมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์สูงสุด คือ ออสเตรเลีย จำนวน 59 บทความ และแหล่งทุนที่ให้การสนับสนุนการวิจัยตีพิมพ์สูงสุด คือ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จำนวน 300 บทความ (ร้อยละ 29.10) สรุปผลการศึกษาพบว่า การตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานในระดับนานาชาติของมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีอัตราการตีพิมพ์ผลงานเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลดังกล่าวสามารถนำไปกำหนดนโยบาย และส่งเสริมสนับสนุนทิศทาง
การขับเคลื่อนงานวิจัยของมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ต่อไป
Download
|
การสังเคราะห์พอลิอะลูมิเนียมคลอไรด์ชนิดเหลวจากของเสียบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่ม
ผู้แต่ง:
ชลธร กินแก้ว
ฉบับที่ 1 เดือน
มกราคม-เมษายน ปี 2565
(Download: 1407 ครั้ง)
|
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการหาสภาวะที่เหมาะสมสำหรับการสังเคราะห์พอลิอะลูมิเนียมคลอไรด์ชนิดเหลวจากฟิล์มบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มแบบอะลูมิเนียมลามิเนตที่เป็นของเสียจากการบริโภคของมนุษย์ ดังนั้น การทำปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชันด้วยสารละลายด่างที่สภาวะแตกต่างกันเพื่อสังเคราะห์พอลิอะลูมิเนียมคลอไรด์ชนิดเหลวที่ดีที่สุดสำหรับการบำบัดน้ำ เริ่มด้วยการชะละลายอะลูมิเนียมในฟิล์มบรรจุภัณฑ์ที่ความเข้มข้นของกรดไฮโดรคลอริก 6 โมลต่อลิตร อัตราส่วนของเหลวต่อของแข็งเป็น 24:1 ด้วยอัตราการกวน 700 รอบต่อนาที เป็นเวลา 5 ชั่วโมง จากนั้นทำปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชันจากสารละลายอะลูมิเนียมคลอไรด์ที่ชะละลายมาได้ โดยใช้โซเดียมไฮดรอกไซด์และโซเดียมอะลูมิเนตเป็นตัวทำปฏิกิริยาที่ B value (อัตราส่วนโมลระหว่างด่างกับอะลูมิเนียม) แตกต่างกัน ด้วยอัตราการกวน 700 รอบต่อนาที และอัตราการเติมสารละลายด่าง 1 มิลลิลิตรต่อนาที ซึ่งพบว่าสารละลายด่างที่เหมาะสมในการสังเคราะห์พอลิอะลูมิเนียมคลอไรด์ชนิดเหลว คือ โซเดียมอะลูมิเนตที่ B value เท่ากับ 3 และหากทำการระเหยเพิ่มความเข้มข้นของอะลูมิเนียมคลอไรด์เป็น 4 เท่า ก่อนทำปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชัน จะทำให้พอลิอะลูมิเนียมคลอไรด์ที่เข้มข้นนี้มีประสิทธิภาพในการตกตะกอนเพิ่มขึ้น สามารถลดความขุ่นของน้ำตัวอย่างให้เหลือ 0.37 NTU คิดเป็นอัตราการกำจัดสารแขวนลอยเป็นร้อยละ 96.21
Download
|
การวิเคราะห์ความสำคัญของกฎเกณฑ์การเข้าร่วมกิจกรรมเสริมหลักสูตร ของนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
ผู้แต่ง:
จเร นะราชา
ฉบับที่ 1 เดือน
มกราคม-เมษายน ปี 2565
(Download: 1400 ครั้ง)
|
บทคัดย่อ
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอความสำคัญของกฎเกณฑ์การเข้าร่วมกิจกรรมเสริมหลักสูตรของนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา โดยได้วิเคราะห์ผลกระทบต่อนักศึกษา และมหาวิทยาลัยที่เกิดขึ้นจากการไม่มีกฎเกณฑ์การเข้าร่วมกิจกรรมเสริมหลักสูตรของนักศึกษา วิเคราะห์คุณค่าและความสำคัญของกิจกรรมเสริมหลักสูตร กฎหมาย รูปแบบและกระบวนการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมโดยสถาบันการศึกษา ระเบียบข้อบังคับและนโยบายของมหาวิทยาลัยที่เกี่ยวข้อง และวิเคราะห์ผลดีต่อนักศึกษา และมหาวิทยาลัยกรณีที่มีกฎเกณฑ์การเข้าร่วมกิจกรรมเสริมหลักสูตรของนักศึกษา ตลอดจนศึกษาตัวอย่างการบังคับใช้กฎหมายหรือกฎเกณฑ์การเข้าร่วมกิจกรรมเสริมหลักสูตรของหน่วยงานและสถาบันอุดมศึกษาอื่น ๆ ด้วย พบว่า กิจกรรมเสริมหลักสูตรเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยพัฒนาและเพิ่มศักยภาพให้นักศึกษามีคุณลักษณะของความเป็นบัณฑิตที่สมบูรณ์ได้ และเป็นกระบวนการหนึ่งในการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมให้ผู้เรียนเป็นคนดี และมีคุณธรรมจริยธรรม ตอบสนองการพัฒนากำลังคนของประเทศได้ ดังนั้นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา จึงควรกำหนดกฎเกณฑ์การเข้าร่วมกิจกรรมเสริมหลักสูตรของนักศึกษาอย่างชัดเจน ได้แก่ กฎเกณฑ์การยื่นคำร้องขอสำเร็จการศึกษา และกฎเกณฑ์การเสนอชื่อเพื่อขอเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร เพื่อให้นักศึกษาเห็นถึงความสำคัญของการเข้าร่วมกิจกรรมเสริมหลักสูตรตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด และใช้เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์คุณภาพบัณฑิตของมหาวิทยาลัยต่อไป
Download
|
ผลการใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อการประชาสัมพันธ์ที่มีต่อเจตคติและความพึงพอใจ ของนักศึกษาและบุคลากรคณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
ผู้แต่ง:
ปิยะวัฒน์ สุธา , ภิรมย์ พาบุ
ฉบับที่ 1 เดือน
มกราคม-เมษายน ปี 2565
(Download: 1393 ครั้ง)
|
บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์ของการวิจัยเพื่อศึกษาผลการใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อการประชาสัมพันธ์ที่มีต่อเจตคติและความพึงพอใจของนักศึกษาและบุคลากรคณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือโดยใช้วิธีวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักศึกษาและบุคลากร คณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ จำนวน 350 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบสอบถาม ผลการศึกษาพบว่า ส่วนใหญ่ใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อการประชาสัมพันธ์ประเภทเฟซบุ๊ก มากกว่า 10 ครั้งต่อวันเพื่อติดตามการนำเสนอข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ที่ทันสมัยผ่านสื่อสังคมออนไลน์เพื่อการประชาสัมพันธ์คณะอยู่ในระดับมาก ( =4.37, S.D.=0.58) และพบว่าผลการใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อการประชาสัมพันธ์ที่มีต่อเจตคติโดยรวมอยู่ในระดับมาก ( =3.86, S.D.=0.70) นอกจากนี้แล้วยังพบว่าผลการใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อการประชาสัมพันธ์ที่มีต่อความพึงพอใจโดยรวมอยู่ในระดับมาก ( =3.95, S.D.=0.66) และเมื่อเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างค่าเฉลี่ยโดยตัวแปรอิสระ 2 กลุ่ม ระหว่างเพศที่ต่างกันพบว่าผลการใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อการประชาสัมพันธ์ที่มีต่อเจตคติและความพึงพอใจไม่แตกต่างกันแต่ระหว่างกลุ่มนักศึกษาและบุคลากรพบว่า ผลการใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อการประชาสัมพันธ์ที่มีต่อเจตคติและความพึงพอใจแตกต่างกัน
Download
|
ดูรายการทั้งหมด |